Michael Saylor ลาออกจาก CEO แต่ยังคงดำรงตำแหน่งประธานบริหาร : Michael Saylor ประกาศจะลงจากตำแหน่ง CEO ของ MicroStrategy แต่ยังคงดำรงตำแหน่งประธานบริหาร Michael Saylor ในที่สุดก็ประกาศลงจากตำแหน่ง CEO ที่นั่งมาตั้งแต่ปี 1989 และย้ายตัวเองไปเป็น Executive Chairman ของบริษัท MicroStrategy โดยอ้างว่าต้องการโฟกัส (laser eye) เวลากับกลยุทธ และบิทคอยน์ให้มากขึ้น
Please join the @MicroStrategy management team at 5pm ET as we discuss our Q2 2022 financial results, executive transition, and answer questions about our business and outlook for #BusinessIntelligence and #Bitcoin. $MSTRhttps://t.co/SxAjhbM9WD
— Michael Saylor⚡️ (@saylor) August 2, 2022
เขาประกาศใน press release ว่า เขาเชื่อว่าการแบ่งหน้าที่กันระหว่าง CEO และ Executive Chairman จะทำให้บริษัทสามารถเน้นกลยุทธ์สองอันของบริษัท คือ การซื้อ และถือบิทคอยน์ และการขยายธุรกิจซอฟท์แวร์ที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล โดยตัวเขาเองจะมุ่งเน้นกลยุทธ์ในการซื้อบิทคอยน์ และการสนับสนุนบิทคอยน์ (แปลว่า กาว นั่นเอง) ส่วน Phong Le ที่เป็น President อยู่จะมารับตำแหน่ง CEO แทน จะมุ่งเน้นการบริหารบริษัท (เหมือนที่เคยทำมาก่อนหน้านี้แล้ว)
สื่อต่าง ๆ เชื่อกันว่า เขาถูกบีบให้ทำเช่นนี้ ท่ามกลางความล้มเหลวในการเข้าไปถือบิทคอยน์ แล้วราคาตกต่ำลงจนทำให้บริษัทขาดทุนไปมากกว่าพันล้านเหรียญสหรัฐแล้ว ส่วนรายได้ของบริษัทจากการขายซอฟท์แวร์ และบริการก็ลดลงเรื่อย ๆ
Michael Saylor ลาออกจากตำแหน่ง CEO ของ MicroStrategy เพื่อเข้ารับตำแหน่งใหม่ในบอร์ดบริหาร ในแถลงการณ์ของ MicroStrategy อธิบายว่า การเปลี่ยนตำแหน่งของ Saylor นั้นจะเน้นไปที่ “นวัตกรรมและกลยุทธ์องค์กรในระยะยาว รวมมถึงกลยุทธ์ในการซื้อ Bitcoin ของบริษัทเพิ่มต่อไป”
“ในฐานะประธานกรรมการบริหาร ผมจะสามารถมุ่งเน้นไปที่กลยุทธ์การซื้อ bitcoin รวมถึงการสนับสนุน bitcoin ในขณะที่ Phong จะได้รับอำนาจในฐานะ CEO ในการจัดการการดำเนินงานขององค์กรโดยรวม” Saylor กล่าวในแถลงการณ์
เมื่อจบไตรมาสที่ 2 มูลค่าตามบัญชีของสินทรัพย์ดิจิทัลของ MicroStrategy (ประกอบด้วยประมาณ 129,699 bitcoins) หรือคิดเป็นมูลค่าอยู่ที่ 1.988 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งสะท้อนถึงผลขาดทุนจากการสะสมอยู่ 1.989 พันล้านดอลลาร์นับตั้งแต่ได้มา และมูลค่าตามบัญชีเฉลี่ยต่อ bitcoin อยู่ที่ประมาณ $15,326
ต้นทุนที่ทางบริษัทได้ใช้ในการซื้อ bitcoin ทั้งหมดอยู่ที่ 3.977 พันล้านดอลลาร์และ 2.451 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งสะท้อนถึงต้นทุนเฉลี่ยต่อ bitcoin ที่ประมาณ $30,664 และราคาตลาดต่อ
Bitcoin ที่ $18,895.02 ตามลำดับ
ถึงแม้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจะไม่ได้บ่งบอกถึงมูลค่าปัจจุบันของ Bitcoin แต่นี่ก็เป็นหลักฐานชั้นดีว่า ราคาที่มีความผันผวนสูงมากอย่าง Bitcoin นั้นสามารถทำให้ บริษัทใหญ่ ๆ ขาดทุนได้มากมายเท่าไร