Slippage คืออะไร? Slippage เกิดขึ้นได้ยังไง?
“โดยปกติ เทรดเดอร์มักจะคิดว่า ราคาขึ้นไปไล่ระดับเช่น 1,2,3,4,5 แต่เหตุการณ์ที่เกิด Slippage ราคาจะไม่ได้เรียงลำดับเช่นนี้ ขึ้นอยู่กับ Volume ในตลาด ณ ขณะนั้น จาก 1 อาจจะเข้าไป 10 เหตุการณ์เช่นนี้เรียกว่า Slippage “
Slippage หมายถึงความต่างของราคาที่ลูกค้าส่ง (Buy or Sell Signal) และราคาที่ถูกดำเนินการจริง (Executed Price) โดยปกติแล้วโบรกเกอร์จะนำคำสั่งของลูกค้ายิงเข้าสู่ตลาดจริงซึ่งในตลาดก็จะมีทั้ง โบรกเกอร์,หุ้น,future และนักลงทุน ซึ่งแต่ละโบรกเกอร์เองก็จะมีวิธีการจับคู่ออเดอร์คำสั่งของลูกค้าเป็นของตัวเองตามแต่ละประเภทโบรกเกอร์ ในภาวะที่ตลาดมีความเสถียรและไม่มีข่าวสารสำคัญใดๆ มาส่งผลกระทบ การเคลื่อนไหวของราคาก็จะไม่คลาดเคลื่อนแต่ในภาวะที่เกิดข่าวสารสำคัญขึ้นในตลาดหรือปัจจัยใดๆ ที่มีผลต่อความต้องการซื้อหรือความต้องการขายในช่วงนั้นๆ และไม่เกิดสมดุล เช่น ปริมาณความต้องการซื้อมากกว่า ปริมาณความต้องการขายในช่วงนั้นๆ เป็นจำนวนมาก ราคาที่เราส่งไปนั้นกับราคาที่ถูกดำเนินการจริงก็จะมีความคลาดเคลื่อน จากการที่ระบบส่งออเดอร์คำสั่งซื้อหรือคำสั่งขายของเราไปแล้วไม่สามารถจับคู่คำสั่งซื้อหรือคำสั่งขาย ณ ราคานั้นได้ เนื่องจากราคามีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
Slippage อาจเกิดจากหลายๆสาเหตุเช่น สภาพคล่องของหุ้นที่ต่ำ, สภาวะตลาดที่ผิดปกติ หรือข่าวที่เป็นด้านบวกหรือด้านลบมากๆที่เข้ามาระหว่างวัน ทำให้ราคาเกิดการเคลื่อนไหวอย่างรุนแรงหรือเป็นช่วงที่ Liquidity providers ไม่กี่แห่งเปิดทำการ ก็ส่งผลให้คุณมีโอกาสเจอ slippage มากขึ้น
Slippage เป็นสิ่งที่นักลงทุนก็ต้องเคยเจอมาบ้าง นักลงทุนทั่วไปเมื่อเจอครั้งแรกและไม่รู้ความหมายของ Slippage ก็มักจะนึกว่าโดนโบรกเกอร์หรือผู้ดูแลสภาพคล่องโกง
1.เทรดในช่วงสภาพคล่องสูง: ช่วยลดความคลาดเคลื่อนของราคาwได้ค่าสเปรดถูกลงในบางประเภทบัญชี
2.หลีกเลี่ยงการเทรดในช่วงที่มีข่าวสำคัญที่ส่งผลต่อค่าเงินที่เราเล่นเพราะในช่วงนี้ราคาจะผันผวนสูงเกิดการ Slippage ได้ง่าย
3.ใช้อินเตอร์เน็ตที่มีความเสถียรและแรง: การเลือกใช้อินเตอร์เน็ตที่มีคุณภาพจะส่งผลให้คำสั่งซื้อหรือคำสั่งขาย ณ ราคานั้นๆ ถูกส่งไปถึง Server ของโบรกเกอร์ได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้การเลือก Server เชื่อมต่อให้เลือกค่า Ping ต่ำ ๆ ยังสามารถช่วยลดปัญหาการ Slippage ได้อีกด้วย
4.เปิดบัญชีประเภทที่มีคำสั่งซื้อ Instant Execution ออเดอร์จะถูกดำเนินการตามราคาที่ลูกค้าส่งคำสั่ง หากราคาที่เปิดออเดอร์ตรงกับราคาตลาดในปัจจุบันออเดอร์นั้นก็จะเปิดทันที แต่หากว่าราคาที่ลูกค้าขอเปิดคำสั่งซื้อนั้น ไม่ตรงกับราคาตลาดในปัจจุบัน ลูกค้าจะได้รับ Requote
Exness ดำเนินการแบบ Dealing Desk (DD) หรือที่เรียกว่า Market Maker คือ โบรกเกอร์ที่ดำเนินการผ่านเคาน์เตอร์จัดการ (Dealing Desk) จะมีห้องรวบรวมข้อมูลของลูกค้าไว้ และจะมีพนักงานคอยตรวจสอบข้อมูลของลูกค้า ออร์เดอร์ที่คุณสั่งก็จะอยู่ในมือของโบรกเกอร์ เมื่อเราทำการซื้อขาย โบรกเกอร์ก็จะทำการจับคู่กับอีกฝั่งหนึ่งให้เรา ในส่วนของการเป็น Market Maker นั้นคือการเป็นโบรกเกอร์ที่มีปริมาณวอลุ่มเพียงพอต่อการซื้อขายให้ลูกค้าทุกคน อีกทั้ง Market Maker คือ บริษัททางการเงินที่พร้อมซื้อหรือขายสินทรัพย์ทางการเงินที่ราคาเปิดใดก็ตามในระยะยาว ในฐานะผู้ดูแลสภาพคล่อง
โดยในแต่ละประเภทบัญชีจะมีคำสั่งออเดอร์ที่แตกต่างกัน
Instant Exceution: อาจเกิดการ requote และ Slippage ได้ (อ่านเพิ่มเติม: รีโควต(requote)คือ? )
Market Execution: จะไม่มีการ Re-quote แต่อาจจะเจอ Slippage , และอาจเกิด off quote ได้เช่นเดียวกัน
Slippage สามารถเกิดขึ้นได้เมื่อตลาดมีสภาพคล่องไม่เพียงพอตามราคาที่ได้ร้องขอในคำสั่งเทรด Exness ไม่สามารถที่จะรับประกันคำสั่งเทรดแบบมีเงื่อนไขได้ เช่น คำสั่ง Stop Losses, Take Profits, Buy/Sell Stops, Buy/Sell Limit Orders (ประเภทบัญชีคำสั่งซื้อ Market Execution)
- กรณีของบัญชี Mini
คู่สกุลเงินที่ลงท้ายด้วย m จะเป็น Instant Execution
ส่วนคู่สกุลเงินที่ลงท้ายด้วย k จะเป็น Market Execution
- กรณีของบัญชี Classic
คู่สกุลเงินที่แสดงชื่อธรรมดา เป็น Instant Execution
คู่สกุลเงินที่ลงท้ายด้วย k จะเป็น Market Execution
อ่านเพิ่มเติม:ประเภทโบรกเกอร์ Forex
©bestbroker168.com. All rights reserved