สงสัยกันไหมว่า Blockchain คืออะไร Blockchain ถูกสร้างขึ้นในปี 2008 โดยคนที่ใช้นามแฝงว่า Satoshi Nakamoto ซึ่งจนถึงทุกวันนี้เราก็ยังไม่ทราบแน่ชัดว่า Satoshi Nakamoto เป็นใครและปัจจุบันกำลังทำอะไรอยู่
โดย Blockchain เป็นรูปแบบการเก็บข้อมูล (Data structure) แบบหนึ่ง ที่ทำให้ข้อมูล Digital transaction ของแต่ละคนสามารถแชร์ไปยังทุกๆ คนได้ อีกทั้งข้อมูลเหล่านั้นไม่สามารถถูกเปลี่ยนแปลงได้ โดยเริ่มแรกถูกสร้างขึ้นมาเพื่อสร้างสกุลเงินดิจิทัล เช่น BITCOIN อย่างไรก็ตามBlockchainไม่ได้ถูกสร้างขึ้นเพื่อรองรับสกุลเงินดิจิทัลเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ปัจจุบันวงการอุตสาหกรรมหรือการใช้งานในตลาดเงินและตลาดทุน ก็นำ Blockchain มาใช้เหมือนกัน เช่น
-
- ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ในหลายๆ ประเทศ เช่น สาธารณรัฐมอลตา ประเทศอังกฤษ และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ มีการนำ Blockchain มาเก็บข้อมูลแทนโฉนด (Land Registry) หรือการนำ Blockchain มาช่วยในการแบ่งการเป็นเจ้าของ (Asset Tokenization)
- ธุรกิจโรงพยาบาล โครงการ Medrec ของทาง MIT หรือ SimplyVital นำ Blockchain มาเก็บข้อมูลการรักษาของคนไข้ เพิ่มความโปร่งใส และความปลอดภัย ซึ่งใน เมืองไทยก็จะมีโครงการ Block M.D. ของบริษัท Smart Contract Thailand ที่ทำเรื่องนี้ หรือ FarmaTrust การนำ Blockchain มาช่วยตรวจสอบที่มาของยาแต่ละชนิดป้องกันการปลอมแปลง
- ธุรกิจค้าปลีก Walmart ได้มีโครงการนำข้อมูลอาหารที่ขายมาเก็บเพื่อดูสายการผลิตจากโรงงานมาถึงชั้นวางของหรือ Singapore Airline ก็ได้นำ Blockchain มาใช้บน loyalty point KrisFlyer เพิ่มความน่าเชื่อถือและสามารแลกเปลี่ยนกันได้
- ธุรกิจพลังงาน Power Ledger ธุรกิจ Startup จากออสเตรเลียก็ได้ขยายมาที่เมืองไทยเพื่อพัฒนาการซื้อขายพลังงานแบบ Peer to peer โดยใช้เทคโนโลยี Blockchain หรือ WePower บริษัทจาก Estonia ก็ทำเรื่องคล้าย ๆ กันแต่เน้นไปทางพลังงานทดแทนเป็นหลัก
- ธุรกิจการศึกษา MIT Media Lab และสาธารณรัฐมอลตา ได้มีการออกปริญญาบัตร Certificate และTranscript บนเทคโนโลยี Blockchain เรียบร้อยแล้ว
- ธุรกิจการเงิน ซึ่งเป็นธุรกิจแรกๆ ที่บล็อคเชนถูกพัฒนาขึ้นมาใช้ ตัวอย่างชัดๆ ก็คือ โครงการอินทนนท์ ของธนาคารแห่งประเทศไทยที่จะใช้บล็อกเชนมาแทนเครือข่ายบาทเน็ตที่ใช้ระหว่างธนาคาร หรือโครงการ JFIN ของทางเจมาร์ท (JMART) นำบล็อกเชนมาจัดการเรื่อง ข้อมูลลูกค้าและ Credit Score บนระบบกู้ยืมทางออนไลน์ เป็นโอกาสใหม่ของคนไทยส่วนใหญ่ที่ปัจจุบันยังไม่มีทางเลือกมากนักในการรับบริการทางการเงิน ต้องไปกู้เงินนอกระบบ หรือไปจนถึงการใช้ Token ในการระดมทุนต่างๆ ทั้ง ICO IEO หรือ STO
บล็อกเชน เป็นเทคโนโลยี ด้านความปลอดภัยของข้อมูล
ฐานข้อมูลของ Blockchain ไม่ได้ถูกเก็บไว้ในที่ใดที่หนึ่งเพียงแห่งเดียว หมายความว่าข้อมูลที่ถูกบันทึกบน Blockchain จะถูกเปิดเผยเป็นสาธารณะและสามารถถูกเข้ามาตรวจสอบได้ ข้อมูลเหล่านี้ไม่มีส่วนกลางเข้ามาทำหน้าที่ควบคุมและปกป้อง ดังนั้นแฮ็กเกอร์จะไม่สามารถเข้ามาแฮ็กข้อมูลนี้ได้เนื่องจากไม่มีจุดศูนย์กลางให้โจมตีนั้นเอง สงสัยกันไหมว่า Blockchain คืออะไร