41.8 C
Thailand
วันศุกร์, เมษายน 26, 2024
- Advertisement -spot_img

Fed ขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ตามคาด ดันอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ สูงสุดในรอบ 14 ปี

Fed ขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ตามคาด ดันอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ สูงสุดในรอบ 14 ปี : ในการประชุมนโยบายการเงินวันที่ 1-2 พ.ย. 22 เฟดได้มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.75% ให้อัตราดอกเบี้ย Fed funds อยู่ที่ระดับ 3.75-4.00% ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ โดยใน Press Release เฟดได้ระบุว่าการตัดสินใจดำเนินนโยบายการเงินในระยะข้างหน้าจะพิจารณาจาก 1. ผลรวมของนโยบายการเงินตึงตัวที่ผ่านมา 2. ความหน่วงของการส่งผ่านนโยบายการเงินต่อกิจกรรมในภาคเศรษฐกิจ 3. พัฒนาของเงินเฟ้อ เศรษฐกิจ และภาคการเงิน โดยเฟดยังคงยึดมั่นต่อเป้าหมายในการพาเงินเฟ้อให้กลับสู่ระดับ 2.0% ในส่วนการปรับลดขนาดงบดุล (QT) เฟดยังคงดำเนินการตามแผนการเดิมที่จะปรับลดขนาดงบดุล (QT) ลงจำนวน 6.0 หมื่นล้านต่อเดือนในส่วนพันธบัตรรัฐบาลและ 3.5 หมื่นล้านต่อเดือนสำหรับตราสาร MBS ตลอดจน ได้มีการปรับอัตราดอกเบี้ยและเพดานในการทำธุรกรรม ON Repo และ Reverse Repo

– ทั้งนี้ ในแถลงข่าวหลังการประชุม (press conference ) ประธานเฟดยังคงย้ำว่าการดำเนินนโยบายในระดับตึงตัว จะยังคงดำรงอยู่จนกว่าจะมั่นใจว่าเสถียรภาพของราคาได้กลับมาแล้ว ทั้งนี้ เฟดได้ออกมายอมรับว่าเงินเฟ้อในปัจจุบันอยู่ในระดับที่สูงกว่าที่เคยมองไว้ (recent inflation data have again come in higher than expected) นอกจากนี้ ยังได้กล่าวว่ายังต้องใช้เวลากว่าที่ผลของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะช่วยให้เงินเฟ้อปรับลดลงอย่างเต็มประสิทธิภาพ อย่างไรก็ดี ประธานเฟดได้เปิดเผยว่าในระยะข้างหน้า การชะลอขนาดของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายคงจะมีความเหมาะสม (it will become appropriate to slow the pace of increases) ซึ่งอาจจะได้เห็นในการประชุมครั้งหน้า หรือ 2 ครั้งถัดไป แต่ปลายทางของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยยังคงเผชิญกับความไม่แน่นอนในระดับสูง และระดับของอัตราดอกเบี้ยสูงสุดอาจจะสูงกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ (ultimate level of interest rates will be higher than previously expected)

– ทั้งนี้ ตลาดสหรัฐฯ โดยรวมตอบรับในเชิงลบ หลังจากที่ประธานเฟดได้ออกมาแถลงผลการประชุม โดยดัชนี Dow Jones, S&P 500 และ Nasdaq ปรับร่วงลง 1.55%, 2.50 % และ 3.36% ตามลำดับ ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล 10 ปี เคลื่อนไหวในกรอบ 4.0-4.1 ส่วนข้อมูล CME Fed funds futures ก็ได้สะท้อนโอกาสประมาณ 65% ดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐฯ จะสูงกว่าระดับ 5.00% ในการประชุมเดือน มี.ค. 23 ทั้งนี้ แถลงการณ์หลังการประชุมบ่งชี้ว่าโอกาสที่จะเกิด Policy pivot ไม่น่าจะเกิดขึ้น ในส่วนของค่าเงินบาทเปิดตลาดวันที่ 3 พ.ย. อ่อนค่าลง 0.76% โดยอยู่ที่ระดับ 37.77 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับราคาปิดในวันก่อนหน้าที่ 37.58 บาทต่อดอลลาร์ฯ

– เรามองว่าเฟดมีโอกาสค่อนข้างสูงที่ปลายทางของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟดในรอบนี้จะสูงกว่าระดับ 5.0% อย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ดี ยังคงต้องรอการเปิดเผยมุมมองคาดการณ์ของเศรษฐกิจ เงินเฟ้อ และคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (dot-plot) รอบใหม่ของเฟดที่จะมีการเปิดเผยในการประชุมวันที่ 13-14 ธ.ค. นี้ ทั้งนี้ ข้อมูลเงินเฟ้อของที่จะมีการรายงานในวันที่ 10 พ.ย. และ 13 ธ.ค. ตลอดจน การรายงานข้อมูลตลาดแรงงานในวันที่ 4 พ.ย. และ 2 ธ.ค. ว่าจะมีพัฒนาการในทิศทางใด ซึ่งปัจจัยดังกล่าวคงจะมีผลต่อการตัดสินใจว่าเฟดจะสามารถที่จะการชะลอขนาดของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายได้หรือไม่ ขณะที่ในระยะข้างหน้า คงต้องติดตามพัฒนาการของตลาดแรงงาน โดยเฉพาะปัจจัยด้าน Wage Growth ตลอดจน พัฒนาการของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในช่วง 2-3 เดือนข้างหน้า ที่คงจะเป็นปัจจัยที่บ่งชี้ว่าระดับของอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟดจะไปสิ้นสุดอยู่ ณ จุดใด

ข้อมูลจาก : Wealth Advisory by CIMB Thai Bank

 

exness รีวิว

อ่านเพิ่มเติม: รีวิวโบรกเกอร์

สมัคร Exness

โบรกเกอร์ Exness

Website : www.bestbroker168.com
Facebook.com: bestbroker168
Instagram.com: bestbroker168
Line ID : @bestbroker168

- Advertisement -spot_img
บทความที่เกี่ยวข้อง
- Advertisement -spot_img
spot_img
spot_img
บทความล่าสุด