31.7 C
Thailand
วันพฤหัสบดี, เมษายน 25, 2024
- Advertisement -spot_img

Web 3.0 คืออะไร

Web 3.0 คืออะไร

Web 3.0 ช่วงนี้ตลาดคริปโตกำลังมีเขียวแบบกระปิดกระปอยให้เพื่อน ๆ ได้ชื่นใจกันบ้างไม่มากก็น้อย หลังจากที่อ่วมมานานน ใครที่พอมีกระสุนเหลืออยู่ให้ช้อนละก็ตอนนี้แหล่ะ คือโอกาส ไม่ช้อนตอนนี้จะให้ช้อนตอนไหน !

.
ซึ่งเอาจริง ๆ มีหลายเหรียญเลยนะที่แอดจับตามอง แต่ถ้าจะให้บอกว่าเทรนด์ไหนน่าสนใจที่สุดในปีนี้ ก็ต้องบอกเลยว่าหนีไม่พ้นเจ้าเหรียญ Web 3.0 นี้แน่นอนค่ะ
.
ถ้าถามว่า Web 3.0 คืออะไร ก็อาจจะต้องสาวความกันยาวเหยียด ตั้งแต่ Web 1.0 , Web 2.0 เลย แต่ถ้าจะสรุปสั้น ๆ ก็คือ ยุคใหม่ของอินเทอร์เน็ตนั่นเอง
.
โดยการนำเทคโนโลยี Blockchain เข้ามาประยุกต์กับระบบการทำงานในปัจจุบัน ทำให้การทำอะไรหลาย ๆ มีความโปร่งใส ลดกระบวนการที่ซับซ้อนและที่สำคัญทุกคนสามารถได้ประโยชน์จากการใช้งานอีกด้วย เนื่องจากเป็นการตัดตัวกลางออกไป
.
ยกตัวอย่างเช่น เหรียญ BAT ที่เค้ามี product ชื่อว่า Brave ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มลักษณะเดียวกับ Google chrome แต่ต่างกันที่เวลามีโฆษณาขึ้นมาให้เราดู เราจะได้รับค่าตอบแทนเป็นเหรียญ BAT คืนด้วย
.
ไม่เหมือนกับ Google Chorme ที่ไม่ให้อะไรเราเลย มีแต่จะแทรกโฆษณาที่สร้างความรำคาญ แถมบริษัท Google ก็ได้ค่าตอบแทนอยู่ฝ่ายเดียวด้วย

.
เทรนด์มาแรงอย่าง “ Web 3.0 ” กันค่า หรือที่เค้าเรียกกันว่า “ยุคใหม่ของอินเทอร์เน็ต” นั่นเอง แอดเชื่อว่าหลาย ๆ คนน่าจะเคยได้ยินคำนี้กันมาบ้างไม่มากก็น้อย เพราะช่วงนี้คนเริ่มพูดถึงกันเยอะมากก แต่ก่อนที่เราจะไปเริ่มทำความรู้จักกับ Web 3.0 กันให้มากขึ้น เราต้องรู้ถึงวิวัฒนาการของอินเทอร์เน็ตตั้งแต่ Web 1.0 และ Web 2.0 กันซะก่อนค่ะ
.
Web 1.0 คืออะไร ?
.
ย้อนกลับไปเมื่อราว ๆ ค.ศ. 1990 หรือ 30 ปี ก่อน มีนักวิศวกรชาวอังกฤษที่ชื่อว่า ทิม เบอร์เนอร์ส-ลี ผู้ซึ่งเป็นอัจริยะคนแรกของโลกที่ได้คิดขึ้นระบบข้อมูลข่าวสารบนอินเทอร์เน็ตขึ้นมา และให้กำเนิดคำว่า www. หรือ World Wide Web ที่เรานิยมใช้เสิร์ชชื่อ website กันในปัจจุบัน ซึ่งถือได้ว่าเป็นยุคแรกของอินเทอร์เน็ตเลยก็ว่าได้ค่า
.
แต่สิ่งที่อินเตอร์เน็ตยุคแรกหรือ Web 1.0 ทำได้ก็คือผู้ใช้งาน(คนทั่วไป)แบบเราจะทำได้แค่ “อ่านข้อมูล” ที่ปรากฎอยู่บนเว็ปไซต์ได้อย่างเดียวเท่านั้น ไม่สามารถทำการคอมเม้นต์ สร้างคอนเทนต์ หรือปฎิสัมพันธ์ใด ๆ ลงไปบนเว็ปไซต์ได้ มีเพียงเจ้าของเว็ปเท่านั้นที่สามารถสร้างเนื้อหาและนำเสนอข้อมูลให้กับเรา ซึ่งลักษณะแบบนี้จะถูกเรียกว่า One Way Communication หรือการสื่อสารแบบทางเดียวนั่นเอง
.
Web 2.0 ยุคของสังคมออนไลน์
.
หลังจาก Web 1.0 ผ่านไป ถัดมาอีก 15 ปี หรือราว ๆ ค.ศ. 2005 ก็ได้มีการพัฒนารูปแบบในการสื่อสารกันมาอย่างต่อเนื่องทำให้ผู้ใช้งานสามารถมีปฎิสัมพันธ์ต่าง ๆ ได้บนเว็บไซต์ ไม่ว่าจะเป็นการคอมเม้นต์ การสร้างเนื้อหาบทความต่าง ๆ หรือการอัปโหลดข้อมูล รูปภาพและวีดิโอลงไปได้ ก่อให้เกิดรูปแบบการนำเสนอใหม่ที่เรียกว่า Two Way Communication หรือ การสื่อสารแบบสองทางนั่นเอง ซึ่งรูปแบบนี้ก็นิยมใช้จนกลายเป็น Social Media อย่างที่เราใช้กันอยู่ในปัจจุบัน เช่น Facebook , Twitter , Youtube , Instagram เป็นต้น
.
ซึ่งการเกิดขึ้นของสื่อโซเชี่ยลต่าง ๆ นอกจากจะช่วยให้เราสามารถสร้างคอนเท้นต์และแสดงความคิดเห็นกันได้อย่างเสรีแล้วนั้น ยังช่วยให้เราเข้าถึงข้อมูลที่มีอย่างมหาศาลได้อย่างง่ายดายอีกด้วย แต่อะไรที่ได้มาง่าย ๆ ก็มักมากับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากแพลตฟอร์มเหล่านี้จะมีอำนาจในการควบคุมการกระทำของผู้ใช้งานทั้งหมด ทำให้สามารถล้วงข้อมูลส่วนตัว รวมถึงพฤติกรรมการใช้ชีวิตในแต่ละวันของเราได้ด้วย เช่น รู้ว่าเราชอบกินอะไร, ชอบสีไหน, อยู่ที่ไหนบ่อย ๆ หรือชอบดูอะไรเป็นประจำ
.
ซึ่งการรู้ถึงข้อมูลเหล่านี้จะทำให้ตัวกลางสามารถนำเอาข้อมูลของเราไปใช้เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวได้ ไม่ว่าจะเป็นการขายข้อมูลให้กับบริษัทอื่น, การนำไปหา insight เพื่อสร้างโฆษณา รวมถึงการนำข้อมูลไปก่ออาชญากรรมต่าง ๆ ซึ่งถ้าหากเราดูผิวเผินแม้ Web 2.0 จะมีข้อดีมากมาย แต่เบื้องหลังนั้นก็มีข้อเสียอยู่อีกมากเช่นกัน
.
Web 3.0 ยุคที่ทุกอย่างทำงานอยู่บน Blockchain
.
มาสู่ยุคใหม่แห่งโลกอินเทอร์เน็ตกันบ้างกับ Web 3.0 เป็นยุคที่ใช้แนวคิด Decentralized จากการนำเทคโนโลยี Blockchain เข้ามาประยุกต์กับระบบการทำงานในปัจจุบันค่ะ ซึ่งจะช่วยในเรื่องความโปร่งใส ตรวจสอบได้และลดกระบวนการที่ซับซ้อนด้วย

ส่งผลให้ข้อมูลของเพื่อน ๆ มีความเป็นส่วนตัวและปลอดภัยมากขึ้น อีกทั้งทุกคนสามารถได้ประโยชน์จากการใช้งานด้วย เนื่องจากมีการตัดตัวกลางออกไป ทำให้อำนาจจะไม่กระจุกอยู่ที่ใครคนใดคนหนึ่ง แต่จะถูกกระจายให้กับผู้ใช้งานแพลตฟอร์มนั่น ๆ แทน ถือได้ว่าเป็นยุคอินเทอร์เน็ตเพื่อคนส่วนมากอย่างแท้จริงเลยค่ะ
.
แอดยกตัวอย่างเช่น เหรียญ BAT ที่เค้ามี product ชื่อว่า Brave ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มลักษณะเดียวกับ Google chrome แต่ต่างกันที่เวลามีโฆษณาขึ้นมาให้เราดู เราจะได้รับค่าตอบแทนเป็นเหรียญ BAT คืนด้วย ไม่เหมือนกับ Google Chorme ที่ไม่ให้อะไรเราเลย มีแต่จะแทรกโฆษณาที่สร้างความรำคาญ แถมบริษัท Google ก็ได้ค่าตอบแทนอยู่ฝ่ายเดียว เป็นต้น

 

สมัคร Exness

โบรกเกอร์ Exness

MT4 คืออะไร

อ่านเพิ่มเติม: รีวิวโบรกเกอร์

 

Website : www.bestbroker168.com
Facebook.com: bestbroker168
Instagram.com: bestbroker168
Line ID : @bestbroker168

- Advertisement -spot_img
บทความที่เกี่ยวข้อง
- Advertisement -spot_img
spot_img
spot_img
บทความล่าสุด