สรุปประเด็นสงครามอิสราเอล-ปาเลสไตน์: ผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกเเละตลาดการเงิน
เมื่อวันเสาร์ กลุ่มติดอาวุธปาเลสไตน์ยิงจรวดมากกว่า 5,000 ลูกจากฉนวนกาซามุ่งหน้าสู่อิสราเอล คร่าชีวิตผู้คนไปอย่างน้อย 700 รายและบาดเจ็บอีกหลายพันคน ถือเป็นการโจมตีดินแดนอิสราเอลที่เลวร้ายที่สุดในรอบหลายทศวรรษ
ในการตอบโต้ อิสราเอลได้ประกาศสงครามอย่างเป็นทางการและอนุมัติ “ขั้นตอนทางทหารที่สำคัญ” ในขณะที่ทหารบดขยี้กลุ่มติดอาวุธฮามาสที่ยังอยู่ในเมืองทางตอนใต้ และเพิ่มความเข้มข้นในการทิ้งระเบิดฉนวนกาซายอดผู้เสียชีวิตทะลุ 1,100 รายและบาดเจ็บอีกหลายพันคนทั้งสองฝ่าย ขณะที่การต่อสู้ดำเนินมาถึงวันที่สาม
ผลกระทบที่ตามมาของสงครามอิสราเอล-ฮามาสต่อเศรษฐกิจโลกอาจต้องใช้เวลาจึงจะชัดเจนแต่อาจจะรุนแรงยิ่งขึ้นหากความขัดแย้งลุกลามไปยังส่วนที่เหลือของตะวันออกกลาง โดยเฉพาะอิหร่าน ซึ่งเป็นทั้งผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่และผู้สนับสนุนกลุ่มฮามาส
ผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกเเละตลาดการเงิน
ราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้น
ราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วในวันจันทร์ ในขณะที่ความตึงเครียดเพิ่มสูงขึ้นในตะวันออกกลาง ซึ่งเป็นที่ตั้งของอุปทานน้ำมันเกือบหนึ่งในสามของโลก
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ เพิ่มขึ้น 3.44% สู่ระดับ 87.49 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสอินเทอร์มีเดียตของสหรัฐ เพิ่มขึ้น 3.85% สู่ระดับ 85.98 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
อย่างไรก็ตาม วิกฤตดังกล่าวไม่น่าจะก่อให้เกิดภัยคุกคามสำคัญใดๆ ต่ออุปทานน้ำมันในทันที เว้นแต่ว่ามันจะขยายไปยังประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค ซึ่งอาจพัฒนาไปสู่สงครามตัวแทนที่ทำลายล้างยิ่งกว่านี้ ซึ่งสร้างความเสียหายให้กับสหรัฐฯ และอิหร่าน
แม้ว่าจะมีรายงานว่าอิหร่านมีส่วนเกี่ยวข้องในการโจมตีอิสราเอล การตอบโต้ใด ๆ ที่เป็นไปได้ต่อเตหะรานอาจเป็นอันตรายต่อการผ่านของเรือที่ผ่านช่องแคบฮอร์มุซ ซึ่งเป็นช่องทางสำคัญที่อิหร่านเคยขู่ว่าจะปิด นักวิเคราะห์กล่าว
“ปัญหาก็คือว่าหากสงครามดำเนินไปเป็นเวลานาน เช่น หนึ่งสัปดาห์เป็นต้นไป พลวัตของน้ำมันก็จะเปลี่ยนไป เบรนต์ทะลุเครื่องหมาย 90 ดอลลาร์แล้ว แต่จากนั้นก็ถอยกลับ ตอนนี้เราสามารถใช้ตัวเลข 90 เป็นเกณฑ์ที่เป็นปัญหาต่อเศรษฐกิจโลกได้ อินเดียอาจได้รับผลกระทบหากราคายังคงอยู่ในระดับสูงเนื่องจากการหยุดชะงักของอุปทานเพิ่มเติม” Madan Sabnavis หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ Bank of Baroda กล่าว
อิหร่านที่เข้าร่วมการต่อสู้อาจส่งผลกระทบต่อเส้นทางเดินทะเลและส่งผลให้ค่าขนส่งและการประกันภัยสูงขึ้น ราคาน้ำมันดิบที่สูงขึ้นจะบิดเบือนดุลการค้าของเราและ CAD ซึ่งจะสร้างแรงกดดันต่อค่าเงินรูปี
เงินเฟ้อ
ในขณะที่ราคาน้ำมันดิบพุ่งสูงขึ้น ภัยคุกคามจากอัตราเงินเฟ้อที่สูงก็กลับมาครอบงำเศรษฐกิจโลกอีกครั้ง สหรัฐอเมริกา อินเดีย จีน และประเทศเศรษฐกิจหลักอื่นๆ เป็นผู้นำเข้าน้ำมันรายใหญ่ และอาจมีอัตราเงินเฟ้อนำเข้าสูงหากราคาน้ำมันยังคงสูงขึ้น
เมื่อราคาน้ำมันสูงขึ้น ต้นทุนการผลิตสำหรับอุตสาหกรรมต่างๆ และต้นทุนพลังงานสำหรับธุรกิจและครัวเรือนก็พุ่งสูงขึ้นเช่นกัน ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้น
ราคาพลังงานที่สูงและแนวโน้มเงินเฟ้อใหม่อาจบ่อนทำลายความพยายามของธนาคารกลางในการควบคุมอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งสามารถเห็นอัตราดอกเบี้ยในระดับที่สูงขึ้นเป็นระยะเวลานาน
ความกังวลเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นส่งผลต่อแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจโลก จากการที่ Fed ของสหรัฐฯ ระบุอย่างชัดเจนว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งหนึ่งนั้นอยู่ในการ์ด และอัตราดอกเบี้ยสามารถคงอยู่ในระดับสูงต่อไปเป็นระยะเวลานานได้ ส่งผลกระทบต่อความหวังของนักลงทุนว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยถึงจุดสูงสุดแล้ว และธนาคารกลางก็จะเริ่มคิดถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ย
ตลาดโลก
สงครามอิสราเอล-ฮามาสสร้างความปั่นป่วนให้กับตลาดตราสารทุนไปทั่วทั้งตลาด โดยนักลงทุนเปลี่ยนมาสู่สินทรัพย์ที่ปลอดภัย นักลงทุนยังคงระมัดระวังและจับตาดูเหตุการณ์ระดับโลกที่มีความเชื่อมั่นในการลดความเสี่ยงที่กำลังต่อสู้กับตลาด
ฟิวเจอร์สหุ้นสหรัฐลดลงในขณะที่ตลาดเอเชียซื้อขายลดลงในวันจันทร์ ราคาทองคำที่ปลอดภัยเพิ่มขึ้นมากกว่า 1%
ราคาทองคำสปอตพุ่งขึ้น 1.2% สู่ระดับ 1,853.79 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่สัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้าของสหรัฐฯ พุ่งขึ้น 1.2% สู่ระดับ 1,867.80 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ดอลลาร์และเยนญี่ปุ่นก็ขยับสูงขึ้นเช่นกัน ดัชนีดอลลาร์สูงขึ้น 0.1% ล่าสุดที่ 106.33
“นี่คือเวลาที่ต้องระมัดระวัง ผู้ลงทุนอาจละเว้นจากความเสี่ยงใหญ่ รอให้การพัฒนาคลี่คลาย นักลงทุนระยะยาวสามารถสะสมหุ้นคุณภาพสูงได้ช้าๆ ในช่วงขาลง” VK Vijayakumar หัวหน้านักยุทธศาสตร์การลงทุนของ Geojit Financial Services กล่าว
อ่าน: รีวิวโบรกเกอร์
Cashback Forex รับเงินคืนอัตโนมัติทุกวันสูงสุด 50% จ่ายเงินคืนเข้าบัญชี Exness โดยตรง
