อดีตนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น นายชินโซ อาเบะ ถูกคนร้ายลอบยิงล้มลงระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ที่จังหวัดนารา : อดีตนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น นายชินโซ อาเบะ ถูกคนร้ายลอบยิงล้มลงระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ที่จังหวัดนารา เมื่อเวลาประมาณ 11.30 น.ตามเวลาท้องถิ่น
安倍元首相が銃で撃たれたとみられる際の映像です。
近くにいた人が携帯電話で撮影しました。https://t.co/cPJHsCMZ8v#nhk_video pic.twitter.com/GvqAI0z5pg
— NHKニュース (@nhk_news) July 8, 2022
.
รายงานระบุว่า นายอาเบะได้รับบาดเจ็บและมีเลือดออกจำนวนมากหลังจากถูกยิง โดยเขาหมดสติระหว่างถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล มีรายงานเพิ่มเติมด้วยว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจับตัวผู้ต้องสงสัยเป็นชายหนุ่มคนหนึ่งได้แล้ว โดยคนร้ายทิ้งปืนแล้วยืนรอให้เจ้าหน้าที่จับกุม
ความคืบหน้ากรณีอดีตนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะของญี่ปุ่น ถูกลอบยิงขณะกำลังกล่าวปราศรัยที่เมืองนารา เจ้าหน้าที่นำตัวส่งโรงพยาบาล โดยอาการล่าสุดพบว่านายอาเบะไม่มีสัญญาณชีพจร
ขณะที่เจ้าหน้าที่ควบคุมผู้ต้องสงสัยก่อเหตุได้ทันที ณ ที่เกิดเหตุ ชื่อว่านายยามากามิ เท็ตสึยะวัย 41 ปี ตำรวจระบุว่าผู้ก่อเหตุได้ยิงนายอาเบะจากด้านหลัง
ชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีที่ดำรงตำแหน่งยาวนานที่สุดของญี่ปุ่นในยุคหลังสงคราม
.
ชินโซ อาเบะ มีฉายาว่า “เจ้าชาย” เขามาจากตระกูลใหญ่ทางการเมืองในฐานะบุตรชายของนายชินทาโร อาเบะ อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศ และหลานชายของนายกรัฐมนตรีโนบุสึเกะ กิชิ
.
นายอาเบะ ได้รับเลือกตั้งเข้าสภาครั้งแรกในปี 1993 และในปี 2005 เขาได้เข้าร่วมในคณะรัฐมนตรี หลังจากนายกรัฐมนตรีจุนอิชิโร โคอิซุมิ ได้แต่งตั้งให้เขาดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะรัฐมนตรี
.
การทะยานขึ้นสู่อำนาจของเขาทำได้สำเร็จในปี 2006 เมื่อเขาได้กลายเป็นนายกรัฐมนตรีในยุคหลังสงครามที่อายุน้อยที่สุดของญี่ปุ่น
.
การพ่ายแพ้ครั้งใหญ่สำหรับพรรคแอลดีพี เกิดขึ้นหลังจากการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาในปี 2007 และเขาได้ลาออกจากตำแหน่งในเดือน ก.ย. ปีเดียวกัน ด้วยเหตุผลอาการลำไส้ใหญ่อักเสบ
.
ในเดือน 2012 นายอาเบะกลับมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีอีกครั้ง โดยระบุว่า เขาได้หายจากโรคลำไส้ใหญ่อักเสบแล้วจากการรับประทานยา
.
เขาได้รับเลือกตั้งกลับเข้ามาบริหารประเทศในปี 2014 และ 2017 กลายเป็นนายกรัฐมนตรีที่อยู่ในตำแหน่งยาวนานที่สุด
.
ความนิยมในตัวเขาขึ้น ๆ ลง ๆ แต่เขายังคงดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้โดยไม่มีใครค้าน เพราะอิทธิพลที่เขามีต่อพรรคแอลดีพี ซึ่งได้แก้ไขกฎเพื่อเอื้อให้เขาดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคเป็นสมัยที่ 3 ได้
ข้อมูลจาก : BBC