43.9 C
Thailand
วันจันทร์, พฤษภาคม 6, 2024
- Advertisement -spot_img

ตลาดจับตาประชุมเฟดและการเปิดเผยตัวเลขแรงงานสหรัฐในสัปดาห์นี้ กำหนดทิศทางดอกเบี้ย

ตลาดจับตาประชุมเฟดและการเปิดเผยตัวเลขแรงงานสหรัฐในสัปดาห์นี้ กำหนดทิศทางดอกเบี้ย

ปัจจุบันยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามาส่งผลกับตลาด หลังจากสถานการณ์ในอิสราเอลกับกลุ่มฮามาสยังไม่มีประเด็นคืบหน้าใหม่ๆออกมา และตลาดยังรอติดตามปัจจัยอื่นๆ โดยเฉพาะการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และรายงานตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐ
ขณะที่ในวันนี้ติดตามการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) จะมีการพิจารณาเกี่ยวกับดอกเบี้ยอย่างไร ประกอบกับยังมีการรายงานตัวเลขดัชนี PMI ฝ่ายจัดซื้อของจีนออกมา โดยตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ที่เปิดมาแกว่งตัวบวกและลบสลับกัน

ตลาดยังรอติดตามปัจจัยสำคัญสัปดาห์นี้ทั้งการประชุมเฟด BOJ ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) รวมถึงตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญอย่าง GDP ไตรมาส 3/66 ของยูโรโซน รวมถึงตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐในช่วงปลายสัปดาห์

ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (Bond Yield) 10 ปี ขยับขึ้นมาที่ 4.9% หลัง US Treasury Department ประกาศว่า จะออกพันธบัตร 776 พันล้านเหรียญสหรัฐ และ 816 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในไตรมาส 4/66 – ไตรมาส 1/67 แม้จะลดลงจากไตรมาส 3/66 แต่ยังถือเป็นระดับที่สูง

นักลงทุนวิตกว่า ผลตอบแทนอาจปรับตัวขึ้นอีก ถ้าเฟดตอกย้ำถ้อยแถลงในการประชุมระหว่างวันที่ 31 ต.ค.-1 พ.ย.นี้ ขณะที่ข้อมูลการจ้างงานที่แข็งแกร่งในวันศุกร์นี้ก็อาจจะเป็นปัจจัยกระตุ้นให้ผลตอบแทนพุ่งขึ้น ถ้าหากนั่นสนับสนุนเหตุผลให้คงอัตราดอกเบี้ยสูงขึ้นเพื่อชะลอเศรษฐกิจ และป้องกันไม่ให้เงินเฟ้อดีดตัวขึ้น

นักลงทุนหลายคนเชื่อว่า ภาวะเลวร้ายที่สุดของแรงขายอาจจะสิ้นสุดแล้ว และการดีดตัวขึ้นของตลาดหุ้นจะเกิดขึ้นตามแนวโน้มตามฤดูกาล โดยนับตั้งแต่ปี 1945 ดัชนี S&P 500 ปรับตัวขึ้น 1.5% โดยเฉลี่ยในเดือนพ.ย. ซึ่งทำให้เดือนพ.ย.เป็นเดือนที่ปรับตัวขึ้นดีที่สุดเป็นอันดับสามของปี และหลายคนยังเชื่อว่า รูปแบบการซื้อขายของตลาดหุ้นในปีนี้บ่งชี้ถึงการดีดตัวขึ้นในไตรมาส 4

ขอบคุณข้อมูลจาก:
- Advertisement -spot_img
บทความที่เกี่ยวข้อง
- Advertisement -spot_img
spot_img
spot_img
บทความล่าสุด